| 
			 โรคมะเร็งที่พบบ่อยในผู้สูงอายุและการป้องกัน 
			 | 
		
		
			| 
			 ผศ.นพ.วีรศักดิ์  เมืองไพศาล 
			 | 
		
		
			| 
			            โรคมะเร็งที่พบบ่อยในประเทศไทย ได้แก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งช่องปาก มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งต่อมน้ำเหลืองและมะเร็งผิวหนัง 
			            ตารางแสดงโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ที่พบบ่อย 5 อันดับแรกของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2539 
			
				
					
						| 
						 ลำดับ 
						 | 
						
						 เพศชาย 
						 | 
						
						 เพศหญิง 
						 | 
					 
					
						| 
						 1 
						 | 
						
						 มะเร็งตับ 
						 | 
						
						 มะเร็งปากมดลูก 
						 | 
					 
					
						| 
						 2 
						 | 
						
						 มะเร็งปอด 
						 | 
						
						 มะเร็งเต้านม 
						 | 
					 
					
						| 
						 3 
						 | 
						
						 มะเร็งลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก 
						 | 
						
						 มะเร็งตับ 
						 | 
					 
					
						| 
						 4 
						 | 
						
						 มะเร็งช่องปาก 
						 | 
						
						 มะเร็งปอด 
						 | 
					 
					
						| 
						 5 
						 | 
						
						 มะเร็งต่อมลูกหมาก 
						 | 
						
						 มะเร็งลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก 
						 | 
					 
				
			 
			 
			การป้องกันโรคมะเร็ง 
			            • หยุดสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งช่องปาก โรคมะเร็งโพรงจมูก เป็นต้น 
			            • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์แก่ร่างกาย ควรรับประทานอาหารที่มีกากใยมาก รับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ จำกัดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงจากเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากนมและอาหารปรุงสำเร็จ นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารพวกปิ้ง ย่าง รมควัน เนื่องจากมีสารก่อมะเร็งในปริมาณมาก 
			            • ลดน้ำหนักในกรณีที่อ้วน เนื่องจากน้ำหนักตัวที่เกินเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเยื่อบุมดลูก 
			            • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เป็นปริมาณมาก เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับ มะเร็งหลอดอาหารและมะเร็งในช่องปาก 
			            • หลีกเลี่ยงการอาบแดดหรือถูกแดดจัด เนื่องจากอาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ควรหลีกเลี่ยงการถูกแดดช่วง 10.00 – 16.00 น. ใช้ครีมกันแดดที่มี SPF อย่างน้อย 15 สวมใส่เสื้อผ้าที่รัดกุมและสวมแว่นกันแดด 
			            • ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน เนื่องจากการที่ไม่ออกกำลังกายมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเต้านม อย่างน้อยควรออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างน้อย 30 นาทีต่อครั้ง สัปดาห์ละ 3 ครั้ง และพยายามเปลี่ยนกิจกกรมที่ทำอยู่แล้วเป็นการออกกำลังกาย เช่น เดินขึ้นบันได แทนการใช้ลิฟท์ จอดรถไกลกว่าที่จอดเดิมและใช้การเดินแทน เป็นต้น 
			            • หลีกเลี่ยงจากรังสีและสารเคมีในที่ทำงานและที่บ้าน โดยคอยอ่านคำเตือนของเอกสารที่แนบมากับผลิตภัณฑ์เสมอ 
			            • ตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี และปฏิบัติตามคำแนะนำในการตรวจเพิ่มเติมของแพทย์ เช่น ตรวจแป๊บสเมียร์ (Pap's smear) ทุกปีเพื่อหามะเร็งปากมดลูกในระยะแรก ฝึกการตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือนและตรวจโดยแพทย์ทุก 1 ปี เป็นต้น 
			            • หลีกเลี่ยงจากการใช้ของมีคมร่วมกับผู้อื่น ไม่เที่ยวสำส่อน หรือถ้าไม่แน่ใจควรใช้ถุงยางอนามัย ตรวจเลือดว่ามีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือยัง ถ้ายังไม่มีควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เนื่องจากเป็นสาเหตุที่สำคัญของการเกิดโรคมะเร็งตับ ในรายที่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ควรติดตามตรวจกับแพทย์เป็นระยะทุก 6 เดือน 
			            • ในกรณีที่ เคยรับประทานปลาดิบ อาศัยหรือเคยอาศัยอยู่ในภาคอีสาน หรือในชุมชนที่มีผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีตับ หรือมีประวัติมะเร็งท่อน้ำดีในครอบครัว ควรรับการตรวจอุจจาระเพื่อหาไข่พยาธิใบไม้ในตับ เนื่องจากมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งท่อน้ำดี   
			คอยสังเกตอาการผิดปกติของร่างกายและรีบไปพบแพทย์หากมีอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ 
			            • มีการเปลี่ยนแปลงในการย่อยอาหารและการขับถ่ายอย่างเรื้อรัง เช่น ท้องผูกสลับท้องเสีย ปัสสาวะเป็นเลือด เป็นต้น 
			            • มีเลือดออกผิดปกติ เช่น ทางช่องคลอดหรือเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ 
			            • มีแผลเรื้อรังไม่หายใน 3 สัปดาห์ 
			            • มีก้อนที่เต้านมหรือตามตัว ไฝโตขึ้น หรือเปลี่ยนสี 
			            • ไอเรื้อรังหรือเสียงแหบ 
			            • น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ 
			            • หูอื้อเรื้อรัง 
			 | 
		
	
 
 
อ้างอิง  https://www.si.mahidol.ac.th/project/geriatrics/knowledge_article/knowledge_healthy_6_010.html